
ขอซื้อเด็กถูกฉก 2 ล้าน แต่แม่ยืนยันไม่ขายลูก
หลังโดนขโมยไปจากโรงพยาบาลเมื่อ 4 ปีก่อน
เผยให้เงินเท่าไรก็ไม่ยอม-เหตุไม่ต้องการขายลูกกิน ดีใจรู้ข่าวว่าพบลูก
ตอนเจอหน้ากันครั้งแรกดูเป็นเด็กน่ารัก สุขภาพดี ร่าเริงและขี้เล่น
แถมมีแววฉลาด แต่เสียใจลูกสาวไม่รู้ว่าเป็นใคร
โดยสหวิชาชีพแนะให้ปรับสภาพความเป็นแม่
ด้วยการเข้าไปหาลูก-รอปรับความรู้สึกจนกว่าจะเรียกแม่
ถึงจะนำกลับมาเลี้ยงได้
พร้อมเปิดโอกาสให้ญาติคนที่ขโมยลูกไปแวะเวียนมาหาได้ทุกเวลา
ขณะที่สาวขโมยทารกวืดประกันตัว-นอนคุก
ญาติเตรียมยื่นหลักทรัพย์อีกครั้งจันทร์นี้ ด้านสธ.แนะ 2
ครอบครัวพูดคุยกัน-ตกลงให้ชัดเจน
จาก คดีทารกเด็กหญิงถูกคนร้ายบุกขโมยไปจากร.พ.ขอนแก่นเมื่อ 4 ปีก่อนแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ต่อมาตำรวจได้เบาะแสจากโรงเรียนใน จ.ชัยภูมิ เนื่องจากมีปู่พาเด็กมาสมัครเรียนแล้วสูติบัตรมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงนำดีเอ็นเอไปตรวจจนพบว่าเป็นเด็กที่ถูก ลักไป ก่อนตามจับกุมนางอัญชุลี ชิดขุนทด อายุ 32 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ อาชีพมีรถสิบล้อรับจ้าง สารภาพแท้งลูกตอนตั้งครรภ์ 6 เดือน แต่อยากมีลูกมาก จึงฉวยโอกาสตอนที่แม่เด็กเผลอขโมยไปให้สามี โดยโกหกว่าเป็นลูกและเลี้ยงดูอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้ขอรับกรรมที่ก่อไว้ แต่รักเด็กด้วยความจริงใจ หากพ้นโทษออกมาจะขอซื้อเด็กหญิงจากแม่แท้ๆ มาเลี้ยงดูเอง ไม่ว่าจะเรียกราคาเป็นล้านบาท ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
สำหรับ ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 76 หมู่ 7 บ้านดอนบม ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของน.ส.กัลย์สุดา สำแดง อายุ 30 ปี แม่ของเด็กหญิงที่ถูกขโมยลูกไปจาก โรงพยาบาลเมื่อ 4 ปีก่อน โดยพบน.ส.กัลย์สุดา และนายสมบูรณ์ สำแดง อายุ 76 ปี ปู่ของน.ส.กัลย์สุดา ที่กำลังนั่งพูดคุยถึงคดีที่ตำรวจสามารถตามจับกุมคนร้ายที่ขโมยลูกได้
น.ส.กัลย์ สุดากล่าวว่า ความรู้สึกของ ผู้เป็นแม่สำหรับเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ช่วงลูกสาวถูกขโมยไปจากร.พ.ขอนแก่น บอกไม่ได้ในตอนนั้น แถมถูกสังคมใส่ร้ายด้วยว่าเป็นคนวางแผนขโมยลูกตัวเองเพื่อนำไปขาย ซึ่งไม่เป็นความจริง มาครั้งนี้เมื่อจะได้พบหน้าลูกที่ถูกขโมยไปจึงเป็นความสบายใจและโล่งอกอย่าง มาก ซึ่งเป็นความดีใจแบบไม่มีอะไรจะมาเปรียบได้ ตอนนั้นยังคิดอยู่ว่าลูกสาวถูกขโมยไปตัดแขนและขาให้ขอทานที่ไหนไม่รู้ หรือตัดอวัยวะไปขายอย่างที่เป็นข่าว แต่พอรู้ข่าวว่าเจอตัวลูกสาวที่ถูกขโมยไปรู้สึกดีใจอย่างมาก
"เมื่อ ได้เห็นหน้าลูกสาวพบว่าเป็นเด็ก น่ารัก สุขภาพดี ร่าเริงและขี้เล่น แถมมีแววความฉลาดอย่างมาก แต่เสียใจอย่างมาก เพราะลูกสาวที่ถูกขโมยไปยังไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร โดยลูกสาวยังติดปู่ย่าของนางอัญชุลี" น.ส.กัลย์สุดากล่าว
น.ส.กัลย์ สุดากล่าวอีกว่า เบื้องต้นสหวิชาชีพแนะนำให้ตนปรับสภาพความเป็นแม่ ด้วยการเข้าหาลูกสาวที่ถูกขโมยไป โดยอาจใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ซึ่งจะต้องเดินทางจาก จ.ขอนแก่น ไปหาลูกสาวที่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เพื่อปรับความรู้สึกเข้าหาลูกสาวที่ถูกขโมยไปจนถูกเรียกว่าแม่ ถึงจะนำลูกสาวมาอยู่ด้วยกันที่ จ.ขอนแก่น ได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากอย่างมากที่ตนจะทำแบบนั้น จึงอยากให้ลูกสาวที่ถูกขโมยไปมาอยู่ที่บ้าน จ.ขอนแก่น โดยยืนยันจะเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด แม้ต้องทำงานรับจ้างทั่วไปก็ตาม โดยมีทวดและญาติจะช่วยดูแลลูกอย่างเอาใจใส่และอบอุ่น
"แม้ คนที่ขโมยลูกสาวไปจะบอกว่าขอซื้อลูกมาเลี้ยงด้วยเงิน 2 ล้านบาท ก็จะไม่ขอรับและไม่ยินยอม ไม่ว่าจะนำเงินมาให้มากเท่าไรก็จะไม่ยอม เพราะไม่ต้องการขายลูกกิน แต่ต้องการนำลูกสาวที่ถูกพรากไปมาอยู่กับแม่ที่แท้จริงใน จ.ขอนแก่น หากญาติหรือสามีของคนที่ขโมยลูกสาวไปต้องการเจอลูกสาวก็แวะเวียนมาเยี่ยมที่ บ้านได้ทุกเวลา โดยอาจผูกเป็นเครือญาติกัน" น.ส.กัลย์สุดากล่าว
ด้าน นายสมบูรณ์เปิดเผยว่า ตนเป็น ผู้ปกครองของลูกหลานที่อยู่ในบ้านดอนบม จ.ขอนแก่น เมื่อเหลนถูกขโมยไปรู้สึกเสียใจมากและเป็นห่วงเหลนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อรู้ว่าตำรวจจับคนร้ายได้และทราบว่าเหลนก็สบายใจขึ้น โดยคงไปรับเหลนมาเลี้ยงเอง แต่สหวิชาชีพบอกว่าต้องเจรจากับอีกฝ่ายหนึ่งก่อนว่าจะยินยอมหรือจะดำเนินการ อย่างไร ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ สหวิชาชีพก็ต้องนำเด็กมาดูแลเองไปก่อน ส่วนคดีความกับคนที่ลักขโมยเหลนไป คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมจะพิจารณาว่าสมควรที่จะลงโทษ ประการใด โดยยืนยันจะพาเหลนกลับมาอยู่ด้วยกัน พร้อมปฏิเสธหากอีกฝ่ายจะพยายามนำเงินหลักล้านมาขอซื้อหลานคนนี้
"คน เลี้ยงเด็กมา 4 ปีบอกว่ารักเด็ก และจะไม่ยอมคืนเด็กให้ ดังนั้น คงต้องปล่อย ให้เป็นเรื่องของกฎหมาย โดยยืนยันต้องการพาเหลนกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน จ.ขอนแก่น ซึ่งได้เตรียมการไว้หมดแล้ว" นายสมบูรณ์กล่าว
ขณะ ที่พ.ต.อ.พิศิษฐ์ หลวงเทพ พงส.ผทค.สภ.เมืองขอนแก่น คุมตัวนางอัญชุลีออกจากห้องควบคุม สภ.เมืองขอนแก่น ไปฝากขังต่อศาลจังหวัดขอนแก่นผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน โดยมีญาติของนางอัญชุลี นำหลักทรัพย์มายื่นประกันตัว แต่เบื้องต้นพบว่าหลักทรัพย์ที่เตรียมมาไม่พอ ทำให้ต้องฝากขังนางอัญชุลี โดยในวันที่ 9 พ.ย.ญาติจะนำหลักทรัพย์มายื่นประกันตัวอีกครั้ง
วัน เดียวกัน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณ สุข กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การดูแลผลประโยชน์ของตัวเด็กถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่สุดที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึง ตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2546 เป็นหน้าที่ของ เจ้าพนักงาน ซึ่งน่าจะเป็นในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่ต้องเข้าไปดู และสืบหาข้อมูลรายละเอียด พร้อมพิจารณาว่าเด็กควรจะอยู่กับใคร เมื่อกระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้นแล้วจะต้องมาดูว่าอะไรถึงจะเหมาะกับเด็ก มากที่สุด เนื่องจากกรณีนี้เป็นการลักพาตัวมาเพื่อการเลี้ยงดู จะต้องมีการคุยกันระหว่าง 2 ครอบครัว แต่ไม่ว่าเด็กจะอยู่กับครอบครัวใดทาง พม.ต้องดูและเตรียมความพร้อมของครอบครัวนั้นกับเด็กด้วย
พญ.พรรณ พิมลกล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการปฏิบัติต่อเด็ก 2 ส่วน คือ 1.ครอบครัว คนนอก รวมถึงสื่อต้องไม่พยายามเข้าถึงตัวเด็ก ไม่ว่าจะอยู่กับครอบครัวใดก็ตาม เด็กไม่ควรถูกซักถามจากคนที่ไม่รู้จัก ไม่อย่างนั้นจะสับสน ตรงนี้คนที่ทำหน้าที่ดูแลต้องทำหน้าที่ดูแลคุ้มครองเด็กจากเรื่องพวกนี้ 2.ต้องค่อยๆ เตรียมความพร้อมของเด็ก เพราะอาจจะเริ่มถามหาแม่ที่เลี้ยงมา การเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือที่อยู่ คนรู้จัก ไม่ควรดำเนินการอย่างรวดเร็วทันที แต่ต้องค่อยๆ เตรียมความพร้อม อธิบายความผ่านเรื่องเล่าหรือนิทาน เพื่อให้เด็กทราบว่าเรื่องนี้เป็นอย่างนี้ และกำลังจะเป็นไปอย่างนี้ เพื่อให้เด็กเข้าใจ เพราะเด็กอายุน้อยมากผู้ใหญ่ต้องให้ข้อมูลที่ดีที่สุด และเป็นข้อมูลที่เด็กรับรู้ได้ว่าทุกคนมีความตั้งใจดี เด็กมีแม่ 2 คน คนหนึ่งคลอดออกมา อีกคนเลี้ยงดูมา แต่ทั้ง 2 คนรักตัวเด็กมากๆ ต้องค่อยๆ เตรียมข้อมูลให้เด็ก และดูปฏิกิริยาของเด็ก แต่ดีที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายควรตกลงให้ชัดเจน
"แม่ ที่ให้กำเนิดถือเป็นสิทธิของแม่ที่ต้องได้รับลูกกลับคืน แต่เด็กถูกนำมาเลี้ยงตั้งแต่จำความไม่ได้จนถึง 4 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงอายุที่เริ่มกระบวนการจำ มีความสัมพันธ์ ความผูกพันเกิดขึ้นแล้ว จึงอยากให้ประสานกันทั้ง 2 ครอบครัวเพื่อประโยชน์ของเด็ก สุดท้ายเด็กจะกลับมาอยู่กับครอบครัวที่ให้กำเนิดหรือไม่ก็ต้องเตรียมครอบ ครัว หรือ ถ้าจะให้อยู่กับครอบครัวที่เลี้ยงดูก็ต้องให้อยู่ในระบบอุปถัมภ์ ที่สำคัญคือการทำความเข้าใจกับเด็ก ให้เข้าใจเรื่องนี้เมื่อตอนโต และอย่ายัดเยียดความเกลียดชังให้กับเด็ก" พญ.พรรณพิมลกล่าว
จาก คดีทารกเด็กหญิงถูกคนร้ายบุกขโมยไปจากร.พ.ขอนแก่นเมื่อ 4 ปีก่อนแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ต่อมาตำรวจได้เบาะแสจากโรงเรียนใน จ.ชัยภูมิ เนื่องจากมีปู่พาเด็กมาสมัครเรียนแล้วสูติบัตรมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงนำดีเอ็นเอไปตรวจจนพบว่าเป็นเด็กที่ถูก ลักไป ก่อนตามจับกุมนางอัญชุลี ชิดขุนทด อายุ 32 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ อาชีพมีรถสิบล้อรับจ้าง สารภาพแท้งลูกตอนตั้งครรภ์ 6 เดือน แต่อยากมีลูกมาก จึงฉวยโอกาสตอนที่แม่เด็กเผลอขโมยไปให้สามี โดยโกหกว่าเป็นลูกและเลี้ยงดูอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้ขอรับกรรมที่ก่อไว้ แต่รักเด็กด้วยความจริงใจ หากพ้นโทษออกมาจะขอซื้อเด็กหญิงจากแม่แท้ๆ มาเลี้ยงดูเอง ไม่ว่าจะเรียกราคาเป็นล้านบาท ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
สำหรับ ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 76 หมู่ 7 บ้านดอนบม ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของน.ส.กัลย์สุดา สำแดง อายุ 30 ปี แม่ของเด็กหญิงที่ถูกขโมยลูกไปจาก โรงพยาบาลเมื่อ 4 ปีก่อน โดยพบน.ส.กัลย์สุดา และนายสมบูรณ์ สำแดง อายุ 76 ปี ปู่ของน.ส.กัลย์สุดา ที่กำลังนั่งพูดคุยถึงคดีที่ตำรวจสามารถตามจับกุมคนร้ายที่ขโมยลูกได้
น.ส.กัลย์ สุดากล่าวว่า ความรู้สึกของ ผู้เป็นแม่สำหรับเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ช่วงลูกสาวถูกขโมยไปจากร.พ.ขอนแก่น บอกไม่ได้ในตอนนั้น แถมถูกสังคมใส่ร้ายด้วยว่าเป็นคนวางแผนขโมยลูกตัวเองเพื่อนำไปขาย ซึ่งไม่เป็นความจริง มาครั้งนี้เมื่อจะได้พบหน้าลูกที่ถูกขโมยไปจึงเป็นความสบายใจและโล่งอกอย่าง มาก ซึ่งเป็นความดีใจแบบไม่มีอะไรจะมาเปรียบได้ ตอนนั้นยังคิดอยู่ว่าลูกสาวถูกขโมยไปตัดแขนและขาให้ขอทานที่ไหนไม่รู้ หรือตัดอวัยวะไปขายอย่างที่เป็นข่าว แต่พอรู้ข่าวว่าเจอตัวลูกสาวที่ถูกขโมยไปรู้สึกดีใจอย่างมาก
"เมื่อ ได้เห็นหน้าลูกสาวพบว่าเป็นเด็ก น่ารัก สุขภาพดี ร่าเริงและขี้เล่น แถมมีแววความฉลาดอย่างมาก แต่เสียใจอย่างมาก เพราะลูกสาวที่ถูกขโมยไปยังไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร โดยลูกสาวยังติดปู่ย่าของนางอัญชุลี" น.ส.กัลย์สุดากล่าว
น.ส.กัลย์ สุดากล่าวอีกว่า เบื้องต้นสหวิชาชีพแนะนำให้ตนปรับสภาพความเป็นแม่ ด้วยการเข้าหาลูกสาวที่ถูกขโมยไป โดยอาจใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ซึ่งจะต้องเดินทางจาก จ.ขอนแก่น ไปหาลูกสาวที่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เพื่อปรับความรู้สึกเข้าหาลูกสาวที่ถูกขโมยไปจนถูกเรียกว่าแม่ ถึงจะนำลูกสาวมาอยู่ด้วยกันที่ จ.ขอนแก่น ได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากอย่างมากที่ตนจะทำแบบนั้น จึงอยากให้ลูกสาวที่ถูกขโมยไปมาอยู่ที่บ้าน จ.ขอนแก่น โดยยืนยันจะเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด แม้ต้องทำงานรับจ้างทั่วไปก็ตาม โดยมีทวดและญาติจะช่วยดูแลลูกอย่างเอาใจใส่และอบอุ่น
"แม้ คนที่ขโมยลูกสาวไปจะบอกว่าขอซื้อลูกมาเลี้ยงด้วยเงิน 2 ล้านบาท ก็จะไม่ขอรับและไม่ยินยอม ไม่ว่าจะนำเงินมาให้มากเท่าไรก็จะไม่ยอม เพราะไม่ต้องการขายลูกกิน แต่ต้องการนำลูกสาวที่ถูกพรากไปมาอยู่กับแม่ที่แท้จริงใน จ.ขอนแก่น หากญาติหรือสามีของคนที่ขโมยลูกสาวไปต้องการเจอลูกสาวก็แวะเวียนมาเยี่ยมที่ บ้านได้ทุกเวลา โดยอาจผูกเป็นเครือญาติกัน" น.ส.กัลย์สุดากล่าว
ด้าน นายสมบูรณ์เปิดเผยว่า ตนเป็น ผู้ปกครองของลูกหลานที่อยู่ในบ้านดอนบม จ.ขอนแก่น เมื่อเหลนถูกขโมยไปรู้สึกเสียใจมากและเป็นห่วงเหลนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อรู้ว่าตำรวจจับคนร้ายได้และทราบว่าเหลนก็สบายใจขึ้น โดยคงไปรับเหลนมาเลี้ยงเอง แต่สหวิชาชีพบอกว่าต้องเจรจากับอีกฝ่ายหนึ่งก่อนว่าจะยินยอมหรือจะดำเนินการ อย่างไร ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ สหวิชาชีพก็ต้องนำเด็กมาดูแลเองไปก่อน ส่วนคดีความกับคนที่ลักขโมยเหลนไป คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมจะพิจารณาว่าสมควรที่จะลงโทษ ประการใด โดยยืนยันจะพาเหลนกลับมาอยู่ด้วยกัน พร้อมปฏิเสธหากอีกฝ่ายจะพยายามนำเงินหลักล้านมาขอซื้อหลานคนนี้
"คน เลี้ยงเด็กมา 4 ปีบอกว่ารักเด็ก และจะไม่ยอมคืนเด็กให้ ดังนั้น คงต้องปล่อย ให้เป็นเรื่องของกฎหมาย โดยยืนยันต้องการพาเหลนกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน จ.ขอนแก่น ซึ่งได้เตรียมการไว้หมดแล้ว" นายสมบูรณ์กล่าว
ขณะ ที่พ.ต.อ.พิศิษฐ์ หลวงเทพ พงส.ผทค.สภ.เมืองขอนแก่น คุมตัวนางอัญชุลีออกจากห้องควบคุม สภ.เมืองขอนแก่น ไปฝากขังต่อศาลจังหวัดขอนแก่นผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน โดยมีญาติของนางอัญชุลี นำหลักทรัพย์มายื่นประกันตัว แต่เบื้องต้นพบว่าหลักทรัพย์ที่เตรียมมาไม่พอ ทำให้ต้องฝากขังนางอัญชุลี โดยในวันที่ 9 พ.ย.ญาติจะนำหลักทรัพย์มายื่นประกันตัวอีกครั้ง
วัน เดียวกัน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณ สุข กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การดูแลผลประโยชน์ของตัวเด็กถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่สุดที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึง ตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2546 เป็นหน้าที่ของ เจ้าพนักงาน ซึ่งน่าจะเป็นในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่ต้องเข้าไปดู และสืบหาข้อมูลรายละเอียด พร้อมพิจารณาว่าเด็กควรจะอยู่กับใคร เมื่อกระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้นแล้วจะต้องมาดูว่าอะไรถึงจะเหมาะกับเด็ก มากที่สุด เนื่องจากกรณีนี้เป็นการลักพาตัวมาเพื่อการเลี้ยงดู จะต้องมีการคุยกันระหว่าง 2 ครอบครัว แต่ไม่ว่าเด็กจะอยู่กับครอบครัวใดทาง พม.ต้องดูและเตรียมความพร้อมของครอบครัวนั้นกับเด็กด้วย
พญ.พรรณ พิมลกล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการปฏิบัติต่อเด็ก 2 ส่วน คือ 1.ครอบครัว คนนอก รวมถึงสื่อต้องไม่พยายามเข้าถึงตัวเด็ก ไม่ว่าจะอยู่กับครอบครัวใดก็ตาม เด็กไม่ควรถูกซักถามจากคนที่ไม่รู้จัก ไม่อย่างนั้นจะสับสน ตรงนี้คนที่ทำหน้าที่ดูแลต้องทำหน้าที่ดูแลคุ้มครองเด็กจากเรื่องพวกนี้ 2.ต้องค่อยๆ เตรียมความพร้อมของเด็ก เพราะอาจจะเริ่มถามหาแม่ที่เลี้ยงมา การเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือที่อยู่ คนรู้จัก ไม่ควรดำเนินการอย่างรวดเร็วทันที แต่ต้องค่อยๆ เตรียมความพร้อม อธิบายความผ่านเรื่องเล่าหรือนิทาน เพื่อให้เด็กทราบว่าเรื่องนี้เป็นอย่างนี้ และกำลังจะเป็นไปอย่างนี้ เพื่อให้เด็กเข้าใจ เพราะเด็กอายุน้อยมากผู้ใหญ่ต้องให้ข้อมูลที่ดีที่สุด และเป็นข้อมูลที่เด็กรับรู้ได้ว่าทุกคนมีความตั้งใจดี เด็กมีแม่ 2 คน คนหนึ่งคลอดออกมา อีกคนเลี้ยงดูมา แต่ทั้ง 2 คนรักตัวเด็กมากๆ ต้องค่อยๆ เตรียมข้อมูลให้เด็ก และดูปฏิกิริยาของเด็ก แต่ดีที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายควรตกลงให้ชัดเจน
"แม่ ที่ให้กำเนิดถือเป็นสิทธิของแม่ที่ต้องได้รับลูกกลับคืน แต่เด็กถูกนำมาเลี้ยงตั้งแต่จำความไม่ได้จนถึง 4 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงอายุที่เริ่มกระบวนการจำ มีความสัมพันธ์ ความผูกพันเกิดขึ้นแล้ว จึงอยากให้ประสานกันทั้ง 2 ครอบครัวเพื่อประโยชน์ของเด็ก สุดท้ายเด็กจะกลับมาอยู่กับครอบครัวที่ให้กำเนิดหรือไม่ก็ต้องเตรียมครอบ ครัว หรือ ถ้าจะให้อยู่กับครอบครัวที่เลี้ยงดูก็ต้องให้อยู่ในระบบอุปถัมภ์ ที่สำคัญคือการทำความเข้าใจกับเด็ก ให้เข้าใจเรื่องนี้เมื่อตอนโต และอย่ายัดเยียดความเกลียดชังให้กับเด็ก" พญ.พรรณพิมลกล่าว
ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1446867405
Blogger Comment
Facebook Comment