ขอซื้อ2ล้าน เด็กโดนขโมย แม่ยืนยันไม่ขาย ถูกพรากลูก 4ปี

 
ขอซื้อเด็กถูกฉก 2 ล้าน แต่แม่ยืนยันไม่ขายลูก หลังโดนขโมยไปจากโรงพยาบาลเมื่อ 4 ปีก่อน เผยให้เงินเท่าไรก็ไม่ยอม-เหตุไม่ต้องการขายลูกกิน ดีใจรู้ข่าวว่าพบลูก ตอนเจอหน้ากันครั้งแรกดูเป็นเด็กน่ารัก สุขภาพดี ร่าเริงและขี้เล่น แถมมีแววฉลาด แต่เสียใจลูกสาวไม่รู้ว่าเป็นใคร โดยสหวิชาชีพแนะให้ปรับสภาพความเป็นแม่ ด้วยการเข้าไปหาลูก-รอปรับความรู้สึกจนกว่าจะเรียกแม่ ถึงจะนำกลับมาเลี้ยงได้ พร้อมเปิดโอกาสให้ญาติคนที่ขโมยลูกไปแวะเวียนมาหาได้ทุกเวลา ขณะที่สาวขโมยทารกวืดประกันตัว-นอนคุก ญาติเตรียมยื่นหลักทรัพย์อีกครั้งจันทร์นี้ ด้านสธ.แนะ 2 ครอบครัวพูดคุยกัน-ตกลงให้ชัดเจน



จาก คดีทารกเด็กหญิงถูกคนร้ายบุกขโมยไปจากร.พ.ขอนแก่นเมื่อ 4 ปีก่อนแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ต่อมาตำรวจได้เบาะแสจากโรงเรียนใน จ.ชัยภูมิ เนื่องจากมีปู่พาเด็กมาสมัครเรียนแล้วสูติบัตรมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงนำดีเอ็นเอไปตรวจจนพบว่าเป็นเด็กที่ถูก ลักไป ก่อนตามจับกุมนางอัญชุลี ชิดขุนทด อายุ 32 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ อาชีพมีรถสิบล้อรับจ้าง สารภาพแท้งลูกตอนตั้งครรภ์ 6 เดือน แต่อยากมีลูกมาก จึงฉวยโอกาสตอนที่แม่เด็กเผลอขโมยไปให้สามี โดยโกหกว่าเป็นลูกและเลี้ยงดูอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้ขอรับกรรมที่ก่อไว้ แต่รักเด็กด้วยความจริงใจ หากพ้นโทษออกมาจะขอซื้อเด็กหญิงจากแม่แท้ๆ มาเลี้ยงดูเอง ไม่ว่าจะเรียกราคาเป็นล้านบาท ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น

สำหรับ ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 76 หมู่ 7 บ้านดอนบม ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของน.ส.กัลย์สุดา สำแดง อายุ 30 ปี แม่ของเด็กหญิงที่ถูกขโมยลูกไปจาก โรงพยาบาลเมื่อ 4 ปีก่อน โดยพบน.ส.กัลย์สุดา และนายสมบูรณ์ สำแดง อายุ 76 ปี ปู่ของน.ส.กัลย์สุดา ที่กำลังนั่งพูดคุยถึงคดีที่ตำรวจสามารถตามจับกุมคนร้ายที่ขโมยลูกได้

น.ส.กัลย์ สุดากล่าวว่า ความรู้สึกของ ผู้เป็นแม่สำหรับเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ช่วงลูกสาวถูกขโมยไปจากร.พ.ขอนแก่น บอกไม่ได้ในตอนนั้น แถมถูกสังคมใส่ร้ายด้วยว่าเป็นคนวางแผนขโมยลูกตัวเองเพื่อนำไปขาย ซึ่งไม่เป็นความจริง มาครั้งนี้เมื่อจะได้พบหน้าลูกที่ถูกขโมยไปจึงเป็นความสบายใจและโล่งอกอย่าง มาก ซึ่งเป็นความดีใจแบบไม่มีอะไรจะมาเปรียบได้ ตอนนั้นยังคิดอยู่ว่าลูกสาวถูกขโมยไปตัดแขนและขาให้ขอทานที่ไหนไม่รู้ หรือตัดอวัยวะไปขายอย่างที่เป็นข่าว แต่พอรู้ข่าวว่าเจอตัวลูกสาวที่ถูกขโมยไปรู้สึกดีใจอย่างมาก

"เมื่อ ได้เห็นหน้าลูกสาวพบว่าเป็นเด็ก น่ารัก สุขภาพดี ร่าเริงและขี้เล่น แถมมีแววความฉลาดอย่างมาก แต่เสียใจอย่างมาก เพราะลูกสาวที่ถูกขโมยไปยังไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร โดยลูกสาวยังติดปู่ย่าของนางอัญชุลี" น.ส.กัลย์สุดากล่าว

น.ส.กัลย์ สุดากล่าวอีกว่า เบื้องต้นสหวิชาชีพแนะนำให้ตนปรับสภาพความเป็นแม่ ด้วยการเข้าหาลูกสาวที่ถูกขโมยไป โดยอาจใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ซึ่งจะต้องเดินทางจาก จ.ขอนแก่น ไปหาลูกสาวที่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เพื่อปรับความรู้สึกเข้าหาลูกสาวที่ถูกขโมยไปจนถูกเรียกว่าแม่ ถึงจะนำลูกสาวมาอยู่ด้วยกันที่ จ.ขอนแก่น ได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากอย่างมากที่ตนจะทำแบบนั้น จึงอยากให้ลูกสาวที่ถูกขโมยไปมาอยู่ที่บ้าน จ.ขอนแก่น โดยยืนยันจะเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด แม้ต้องทำงานรับจ้างทั่วไปก็ตาม โดยมีทวดและญาติจะช่วยดูแลลูกอย่างเอาใจใส่และอบอุ่น

"แม้ คนที่ขโมยลูกสาวไปจะบอกว่าขอซื้อลูกมาเลี้ยงด้วยเงิน 2 ล้านบาท ก็จะไม่ขอรับและไม่ยินยอม ไม่ว่าจะนำเงินมาให้มากเท่าไรก็จะไม่ยอม เพราะไม่ต้องการขายลูกกิน แต่ต้องการนำลูกสาวที่ถูกพรากไปมาอยู่กับแม่ที่แท้จริงใน จ.ขอนแก่น หากญาติหรือสามีของคนที่ขโมยลูกสาวไปต้องการเจอลูกสาวก็แวะเวียนมาเยี่ยมที่ บ้านได้ทุกเวลา โดยอาจผูกเป็นเครือญาติกัน" น.ส.กัลย์สุดากล่าว

ด้าน นายสมบูรณ์เปิดเผยว่า ตนเป็น ผู้ปกครองของลูกหลานที่อยู่ในบ้านดอนบม จ.ขอนแก่น เมื่อเหลนถูกขโมยไปรู้สึกเสียใจมากและเป็นห่วงเหลนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อรู้ว่าตำรวจจับคนร้ายได้และทราบว่าเหลนก็สบายใจขึ้น โดยคงไปรับเหลนมาเลี้ยงเอง แต่สหวิชาชีพบอกว่าต้องเจรจากับอีกฝ่ายหนึ่งก่อนว่าจะยินยอมหรือจะดำเนินการ อย่างไร ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ สหวิชาชีพก็ต้องนำเด็กมาดูแลเองไปก่อน ส่วนคดีความกับคนที่ลักขโมยเหลนไป คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมจะพิจารณาว่าสมควรที่จะลงโทษ ประการใด โดยยืนยันจะพาเหลนกลับมาอยู่ด้วยกัน พร้อมปฏิเสธหากอีกฝ่ายจะพยายามนำเงินหลักล้านมาขอซื้อหลานคนนี้

"คน เลี้ยงเด็กมา 4 ปีบอกว่ารักเด็ก และจะไม่ยอมคืนเด็กให้ ดังนั้น คงต้องปล่อย ให้เป็นเรื่องของกฎหมาย โดยยืนยันต้องการพาเหลนกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน จ.ขอนแก่น ซึ่งได้เตรียมการไว้หมดแล้ว" นายสมบูรณ์กล่าว

ขณะ ที่พ.ต.อ.พิศิษฐ์ หลวงเทพ พงส.ผทค.สภ.เมืองขอนแก่น คุมตัวนางอัญชุลีออกจากห้องควบคุม สภ.เมืองขอนแก่น ไปฝากขังต่อศาลจังหวัดขอนแก่นผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน โดยมีญาติของนางอัญชุลี นำหลักทรัพย์มายื่นประกันตัว แต่เบื้องต้นพบว่าหลักทรัพย์ที่เตรียมมาไม่พอ ทำให้ต้องฝากขังนางอัญชุลี โดยในวันที่ 9 พ.ย.ญาติจะนำหลักทรัพย์มายื่นประกันตัวอีกครั้ง

วัน เดียวกัน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณ สุข กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การดูแลผลประโยชน์ของตัวเด็กถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่สุดที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึง ตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2546 เป็นหน้าที่ของ เจ้าพนักงาน ซึ่งน่าจะเป็นในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่ต้องเข้าไปดู และสืบหาข้อมูลรายละเอียด พร้อมพิจารณาว่าเด็กควรจะอยู่กับใคร เมื่อกระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้นแล้วจะต้องมาดูว่าอะไรถึงจะเหมาะกับเด็ก มากที่สุด เนื่องจากกรณีนี้เป็นการลักพาตัวมาเพื่อการเลี้ยงดู จะต้องมีการคุยกันระหว่าง 2 ครอบครัว แต่ไม่ว่าเด็กจะอยู่กับครอบครัวใดทาง พม.ต้องดูและเตรียมความพร้อมของครอบครัวนั้นกับเด็กด้วย

พญ.พรรณ พิมลกล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการปฏิบัติต่อเด็ก 2 ส่วน คือ 1.ครอบครัว คนนอก รวมถึงสื่อต้องไม่พยายามเข้าถึงตัวเด็ก ไม่ว่าจะอยู่กับครอบครัวใดก็ตาม เด็กไม่ควรถูกซักถามจากคนที่ไม่รู้จัก ไม่อย่างนั้นจะสับสน ตรงนี้คนที่ทำหน้าที่ดูแลต้องทำหน้าที่ดูแลคุ้มครองเด็กจากเรื่องพวกนี้ 2.ต้องค่อยๆ เตรียมความพร้อมของเด็ก เพราะอาจจะเริ่มถามหาแม่ที่เลี้ยงมา การเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือที่อยู่ คนรู้จัก ไม่ควรดำเนินการอย่างรวดเร็วทันที แต่ต้องค่อยๆ เตรียมความพร้อม อธิบายความผ่านเรื่องเล่าหรือนิทาน เพื่อให้เด็กทราบว่าเรื่องนี้เป็นอย่างนี้ และกำลังจะเป็นไปอย่างนี้ เพื่อให้เด็กเข้าใจ เพราะเด็กอายุน้อยมากผู้ใหญ่ต้องให้ข้อมูลที่ดีที่สุด และเป็นข้อมูลที่เด็กรับรู้ได้ว่าทุกคนมีความตั้งใจดี เด็กมีแม่ 2 คน คนหนึ่งคลอดออกมา อีกคนเลี้ยงดูมา แต่ทั้ง 2 คนรักตัวเด็กมากๆ ต้องค่อยๆ เตรียมข้อมูลให้เด็ก และดูปฏิกิริยาของเด็ก แต่ดีที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายควรตกลงให้ชัดเจน

"แม่ ที่ให้กำเนิดถือเป็นสิทธิของแม่ที่ต้องได้รับลูกกลับคืน แต่เด็กถูกนำมาเลี้ยงตั้งแต่จำความไม่ได้จนถึง 4 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงอายุที่เริ่มกระบวนการจำ มีความสัมพันธ์ ความผูกพันเกิดขึ้นแล้ว จึงอยากให้ประสานกันทั้ง 2 ครอบครัวเพื่อประโยชน์ของเด็ก สุดท้ายเด็กจะกลับมาอยู่กับครอบครัวที่ให้กำเนิดหรือไม่ก็ต้องเตรียมครอบ ครัว หรือ ถ้าจะให้อยู่กับครอบครัวที่เลี้ยงดูก็ต้องให้อยู่ในระบบอุปถัมภ์ ที่สำคัญคือการทำความเข้าใจกับเด็ก ให้เข้าใจเรื่องนี้เมื่อตอนโต และอย่ายัดเยียดความเกลียดชังให้กับเด็ก" พญ.พรรณพิมลกล่าว
 
ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1446867405
 


Share on Google Plus

About Unknown

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

ขอซื้อ2ล้าน เด็กโดนขโมย แม่ยืนยันไม่ขาย ถูกพรากลูก 4ปี

 
ขอซื้อเด็กถูกฉก 2 ล้าน แต่แม่ยืนยันไม่ขายลูก หลังโดนขโมยไปจากโรงพยาบาลเมื่อ 4 ปีก่อน เผยให้เงินเท่าไรก็ไม่ยอม-เหตุไม่ต้องการขายลูกกิน ดีใจรู้ข่าวว่าพบลูก ตอนเจอหน้ากันครั้งแรกดูเป็นเด็กน่ารัก สุขภาพดี ร่าเริงและขี้เล่น แถมมีแววฉลาด แต่เสียใจลูกสาวไม่รู้ว่าเป็นใคร โดยสหวิชาชีพแนะให้ปรับสภาพความเป็นแม่ ด้วยการเข้าไปหาลูก-รอปรับความรู้สึกจนกว่าจะเรียกแม่ ถึงจะนำกลับมาเลี้ยงได้ พร้อมเปิดโอกาสให้ญาติคนที่ขโมยลูกไปแวะเวียนมาหาได้ทุกเวลา ขณะที่สาวขโมยทารกวืดประกันตัว-นอนคุก ญาติเตรียมยื่นหลักทรัพย์อีกครั้งจันทร์นี้ ด้านสธ.แนะ 2 ครอบครัวพูดคุยกัน-ตกลงให้ชัดเจน



จาก คดีทารกเด็กหญิงถูกคนร้ายบุกขโมยไปจากร.พ.ขอนแก่นเมื่อ 4 ปีก่อนแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ต่อมาตำรวจได้เบาะแสจากโรงเรียนใน จ.ชัยภูมิ เนื่องจากมีปู่พาเด็กมาสมัครเรียนแล้วสูติบัตรมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงนำดีเอ็นเอไปตรวจจนพบว่าเป็นเด็กที่ถูก ลักไป ก่อนตามจับกุมนางอัญชุลี ชิดขุนทด อายุ 32 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ อาชีพมีรถสิบล้อรับจ้าง สารภาพแท้งลูกตอนตั้งครรภ์ 6 เดือน แต่อยากมีลูกมาก จึงฉวยโอกาสตอนที่แม่เด็กเผลอขโมยไปให้สามี โดยโกหกว่าเป็นลูกและเลี้ยงดูอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้ขอรับกรรมที่ก่อไว้ แต่รักเด็กด้วยความจริงใจ หากพ้นโทษออกมาจะขอซื้อเด็กหญิงจากแม่แท้ๆ มาเลี้ยงดูเอง ไม่ว่าจะเรียกราคาเป็นล้านบาท ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น

สำหรับ ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 76 หมู่ 7 บ้านดอนบม ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของน.ส.กัลย์สุดา สำแดง อายุ 30 ปี แม่ของเด็กหญิงที่ถูกขโมยลูกไปจาก โรงพยาบาลเมื่อ 4 ปีก่อน โดยพบน.ส.กัลย์สุดา และนายสมบูรณ์ สำแดง อายุ 76 ปี ปู่ของน.ส.กัลย์สุดา ที่กำลังนั่งพูดคุยถึงคดีที่ตำรวจสามารถตามจับกุมคนร้ายที่ขโมยลูกได้

น.ส.กัลย์ สุดากล่าวว่า ความรู้สึกของ ผู้เป็นแม่สำหรับเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ช่วงลูกสาวถูกขโมยไปจากร.พ.ขอนแก่น บอกไม่ได้ในตอนนั้น แถมถูกสังคมใส่ร้ายด้วยว่าเป็นคนวางแผนขโมยลูกตัวเองเพื่อนำไปขาย ซึ่งไม่เป็นความจริง มาครั้งนี้เมื่อจะได้พบหน้าลูกที่ถูกขโมยไปจึงเป็นความสบายใจและโล่งอกอย่าง มาก ซึ่งเป็นความดีใจแบบไม่มีอะไรจะมาเปรียบได้ ตอนนั้นยังคิดอยู่ว่าลูกสาวถูกขโมยไปตัดแขนและขาให้ขอทานที่ไหนไม่รู้ หรือตัดอวัยวะไปขายอย่างที่เป็นข่าว แต่พอรู้ข่าวว่าเจอตัวลูกสาวที่ถูกขโมยไปรู้สึกดีใจอย่างมาก

"เมื่อ ได้เห็นหน้าลูกสาวพบว่าเป็นเด็ก น่ารัก สุขภาพดี ร่าเริงและขี้เล่น แถมมีแววความฉลาดอย่างมาก แต่เสียใจอย่างมาก เพราะลูกสาวที่ถูกขโมยไปยังไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร โดยลูกสาวยังติดปู่ย่าของนางอัญชุลี" น.ส.กัลย์สุดากล่าว

น.ส.กัลย์ สุดากล่าวอีกว่า เบื้องต้นสหวิชาชีพแนะนำให้ตนปรับสภาพความเป็นแม่ ด้วยการเข้าหาลูกสาวที่ถูกขโมยไป โดยอาจใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ซึ่งจะต้องเดินทางจาก จ.ขอนแก่น ไปหาลูกสาวที่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เพื่อปรับความรู้สึกเข้าหาลูกสาวที่ถูกขโมยไปจนถูกเรียกว่าแม่ ถึงจะนำลูกสาวมาอยู่ด้วยกันที่ จ.ขอนแก่น ได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากอย่างมากที่ตนจะทำแบบนั้น จึงอยากให้ลูกสาวที่ถูกขโมยไปมาอยู่ที่บ้าน จ.ขอนแก่น โดยยืนยันจะเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด แม้ต้องทำงานรับจ้างทั่วไปก็ตาม โดยมีทวดและญาติจะช่วยดูแลลูกอย่างเอาใจใส่และอบอุ่น

"แม้ คนที่ขโมยลูกสาวไปจะบอกว่าขอซื้อลูกมาเลี้ยงด้วยเงิน 2 ล้านบาท ก็จะไม่ขอรับและไม่ยินยอม ไม่ว่าจะนำเงินมาให้มากเท่าไรก็จะไม่ยอม เพราะไม่ต้องการขายลูกกิน แต่ต้องการนำลูกสาวที่ถูกพรากไปมาอยู่กับแม่ที่แท้จริงใน จ.ขอนแก่น หากญาติหรือสามีของคนที่ขโมยลูกสาวไปต้องการเจอลูกสาวก็แวะเวียนมาเยี่ยมที่ บ้านได้ทุกเวลา โดยอาจผูกเป็นเครือญาติกัน" น.ส.กัลย์สุดากล่าว

ด้าน นายสมบูรณ์เปิดเผยว่า ตนเป็น ผู้ปกครองของลูกหลานที่อยู่ในบ้านดอนบม จ.ขอนแก่น เมื่อเหลนถูกขโมยไปรู้สึกเสียใจมากและเป็นห่วงเหลนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อรู้ว่าตำรวจจับคนร้ายได้และทราบว่าเหลนก็สบายใจขึ้น โดยคงไปรับเหลนมาเลี้ยงเอง แต่สหวิชาชีพบอกว่าต้องเจรจากับอีกฝ่ายหนึ่งก่อนว่าจะยินยอมหรือจะดำเนินการ อย่างไร ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ สหวิชาชีพก็ต้องนำเด็กมาดูแลเองไปก่อน ส่วนคดีความกับคนที่ลักขโมยเหลนไป คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมจะพิจารณาว่าสมควรที่จะลงโทษ ประการใด โดยยืนยันจะพาเหลนกลับมาอยู่ด้วยกัน พร้อมปฏิเสธหากอีกฝ่ายจะพยายามนำเงินหลักล้านมาขอซื้อหลานคนนี้

"คน เลี้ยงเด็กมา 4 ปีบอกว่ารักเด็ก และจะไม่ยอมคืนเด็กให้ ดังนั้น คงต้องปล่อย ให้เป็นเรื่องของกฎหมาย โดยยืนยันต้องการพาเหลนกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน จ.ขอนแก่น ซึ่งได้เตรียมการไว้หมดแล้ว" นายสมบูรณ์กล่าว

ขณะ ที่พ.ต.อ.พิศิษฐ์ หลวงเทพ พงส.ผทค.สภ.เมืองขอนแก่น คุมตัวนางอัญชุลีออกจากห้องควบคุม สภ.เมืองขอนแก่น ไปฝากขังต่อศาลจังหวัดขอนแก่นผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน โดยมีญาติของนางอัญชุลี นำหลักทรัพย์มายื่นประกันตัว แต่เบื้องต้นพบว่าหลักทรัพย์ที่เตรียมมาไม่พอ ทำให้ต้องฝากขังนางอัญชุลี โดยในวันที่ 9 พ.ย.ญาติจะนำหลักทรัพย์มายื่นประกันตัวอีกครั้ง

วัน เดียวกัน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณ สุข กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การดูแลผลประโยชน์ของตัวเด็กถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่สุดที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึง ตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2546 เป็นหน้าที่ของ เจ้าพนักงาน ซึ่งน่าจะเป็นในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่ต้องเข้าไปดู และสืบหาข้อมูลรายละเอียด พร้อมพิจารณาว่าเด็กควรจะอยู่กับใคร เมื่อกระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้นแล้วจะต้องมาดูว่าอะไรถึงจะเหมาะกับเด็ก มากที่สุด เนื่องจากกรณีนี้เป็นการลักพาตัวมาเพื่อการเลี้ยงดู จะต้องมีการคุยกันระหว่าง 2 ครอบครัว แต่ไม่ว่าเด็กจะอยู่กับครอบครัวใดทาง พม.ต้องดูและเตรียมความพร้อมของครอบครัวนั้นกับเด็กด้วย

พญ.พรรณ พิมลกล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการปฏิบัติต่อเด็ก 2 ส่วน คือ 1.ครอบครัว คนนอก รวมถึงสื่อต้องไม่พยายามเข้าถึงตัวเด็ก ไม่ว่าจะอยู่กับครอบครัวใดก็ตาม เด็กไม่ควรถูกซักถามจากคนที่ไม่รู้จัก ไม่อย่างนั้นจะสับสน ตรงนี้คนที่ทำหน้าที่ดูแลต้องทำหน้าที่ดูแลคุ้มครองเด็กจากเรื่องพวกนี้ 2.ต้องค่อยๆ เตรียมความพร้อมของเด็ก เพราะอาจจะเริ่มถามหาแม่ที่เลี้ยงมา การเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือที่อยู่ คนรู้จัก ไม่ควรดำเนินการอย่างรวดเร็วทันที แต่ต้องค่อยๆ เตรียมความพร้อม อธิบายความผ่านเรื่องเล่าหรือนิทาน เพื่อให้เด็กทราบว่าเรื่องนี้เป็นอย่างนี้ และกำลังจะเป็นไปอย่างนี้ เพื่อให้เด็กเข้าใจ เพราะเด็กอายุน้อยมากผู้ใหญ่ต้องให้ข้อมูลที่ดีที่สุด และเป็นข้อมูลที่เด็กรับรู้ได้ว่าทุกคนมีความตั้งใจดี เด็กมีแม่ 2 คน คนหนึ่งคลอดออกมา อีกคนเลี้ยงดูมา แต่ทั้ง 2 คนรักตัวเด็กมากๆ ต้องค่อยๆ เตรียมข้อมูลให้เด็ก และดูปฏิกิริยาของเด็ก แต่ดีที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายควรตกลงให้ชัดเจน

"แม่ ที่ให้กำเนิดถือเป็นสิทธิของแม่ที่ต้องได้รับลูกกลับคืน แต่เด็กถูกนำมาเลี้ยงตั้งแต่จำความไม่ได้จนถึง 4 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงอายุที่เริ่มกระบวนการจำ มีความสัมพันธ์ ความผูกพันเกิดขึ้นแล้ว จึงอยากให้ประสานกันทั้ง 2 ครอบครัวเพื่อประโยชน์ของเด็ก สุดท้ายเด็กจะกลับมาอยู่กับครอบครัวที่ให้กำเนิดหรือไม่ก็ต้องเตรียมครอบ ครัว หรือ ถ้าจะให้อยู่กับครอบครัวที่เลี้ยงดูก็ต้องให้อยู่ในระบบอุปถัมภ์ ที่สำคัญคือการทำความเข้าใจกับเด็ก ให้เข้าใจเรื่องนี้เมื่อตอนโต และอย่ายัดเยียดความเกลียดชังให้กับเด็ก" พญ.พรรณพิมลกล่าว
 
ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1446867405